Viral
Marketing การตลาดในยุคDigital
เอมิการ์
ศรีธาตุ
บทคัดย่อ
การสื่อสารการตลาดในยุคดิจิตอล
ผ่านสื่อโซเชียลมีเดีย นับได้ว่าเป็นกลยุทธ์ที่ได้รับความสนใจจากนักการตลาดอย่างมากในยุคนี้
บทความเรื่องนี้จึงได้ศึกษา ไวรัล มาร์เก็ตติ้ง (Viral Marketing) หรือกลยุทธ์การรบอกต่อบนโลก Social Media ซึ่งพฤติกรรมของผู้บริโภคนั้นเปลี่ยนไปเพราะในยุคนี้
สมาร์ทโฟนถือเป็นปัจจัยหลักในดำรงชีวิตไปแล้ว จึงทำให้นักการตลาดหันมาสนใจการทำตลาดแบบ ไวรัล
มาร์เก็ตติ้ง เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค ปัจจุบันผู้บริโภคนั้นชอบสร้างสรรค์สิ่งต่างๆด้วยการโพสต์
การแชร์ ซึ่ง Message ที่โพสต์ก็จะเกิดการส่งต่อไปยังกลุ่มเพื่อนและกระจายการรับรู้ไปอย่างกว้างขวาง การกระทำเช่นนี้ทำให้ Message เข้าถึงผู้บริโภคได้จำนวนมาก
รวดเร็วในเวลาอันสั้น นอกจากนั้นบทความนี้ยังมีเนื้อหา
เกี่ยวกับข้อดีของการตลาดแบบ
ไวรัล มาร์เก็ตติ้ง คือประหยัดไม่ต้องลงทุนมากมีความคิดสร้างสรรค์ แปลกแหวกแนว
ไวรัล มาร์เก็ตติ้ง นั้นมีหลายรูปแบบในแต่ละแบบจะมีส่วนที่คล้ายกัน
แต่รูปแบบที่เห็นจะประสบความสำเร็จมากที่สุดคือ ไวรัล วิดีโอ ที่มีทั้งภาพและเสียง
โดยการทำผ่าน YouTube เพราะจากสถิติแล้วได้มีผู้เช้าชมเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
ซึ่งสามารถทำการตลาดได้ดีกว่าสื่อหลักอย่าง โทรทัศน์ เพราะเกิดจากการ ไลค์และแชร์
จึงไม่แปลกที่นักการตลาดจะลงทุนเพียงแค่การสร้างสรรค์ผลงาน เมื่อการทำการตลาดแบบนี้มีข้อดีมากทำให้การแข่งขันเกิดขึ้นสูง
นักการตลาดจึงมีการวางแผนอย่างรอบครอบและปล่อย ไวรัล วิดีโอ ออกมาในเวลาที่เหมาะสม
หลีกเลี่ยงการปล่อยพร้อมๆกับแบรนด์คู่แข่ง เพราะหากแบรนด์คู่แข่งมีกระแสที่แรงกว่าก็อาจจะส่งผลกระทบต่อแบรนด์ของเราได้
จังหวะและโอกาสเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่นักการตลาดต้องคำนึงถึง
ไวรัล มาร์เก็ตติ้ง จะไม่ประสบความสำเร็จเลยหากไม่มี
โซเชียลมีเดีย
ที่ช่วยในเรื่องของการส่งสารไปยังกลุ่มผู้บริโภคเป้าหมายได้อย่างรวดเร็ว
ด้วยการกดไลค์ และ แชร์ ของผู้บริโภคเอง แต่อย่าลืมว่าต้องมีความคิดสร้างสรรค์ ที่ความแปลก
แหวกแนว โดนใจกลุ่มเป้าหมายด้วยจนเกิดเป็นกระแสการบอกต่อ
คำสำคัญ :
Viral Marketing, Viral Video, ยุค Digital, การบอกต่อ,
การตลาดแบบไวรัล
บทนำ
ปัจจุบันคงปฏิเสธไม่ได้ว่าโลกของเรามีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วจากสถิติของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทั่วโลกที่มีมากถึง
1,600 ล้านคนในประเทศไทยมีผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตสูงถึง 16
ล้านคนในหลากหลายกลุ่มคน
ซึ่งล้วนแล้วเป็นกลุ่มที่มีนักการตลาดต้องการเข้าถึงผู้บริโภคที่เปิดรับสื่อดิจิตอล
หรือ Digital Consumer เป็นวิถีชีวิตที่ขาดอินเทอร์เน็ตไม่ได้ไปแล้ว
สมาร์ทโฟนได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินชีวิตประจำวันของผู้บริโภคในยุคนนี้
เพราะแม้แต่จะทำอาหาร แต่งหน้า ออกกำลังกาย ดูหนังฟังเพลง ก็ยังเปิดรับข้อมูลจาก
Social Media พฤติกรรมของคนไทยทุกวันนี้เรียกได้ว่า
เป็นสังคมแห่งเครือข่ายออนไลน์
( Social Network ) เลยก็ว่าได้ รวมไปถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคที่ทำให้เป็นโจทย์สำคัญที่นักการตลาดจากหลายๆ สถานบัน ที่ต้องรีบปรับตัวกันให้ทันเพื่อรับมือกับสถานการณ์ของการเปลี่ยนแปลงในยุคนี้ สื่อออนไลน์จึงนับเป็นเครื่องมือสำคัญที่นักการตลาดยุคใหม่ต้องหาวิธีกลยุทธ์ต่างๆ เพื่อให้สามารถเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคที่เป็นเป้าหมายได้อย่างชัดเจน
( Social Network ) เลยก็ว่าได้ รวมไปถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคที่ทำให้เป็นโจทย์สำคัญที่นักการตลาดจากหลายๆ สถานบัน ที่ต้องรีบปรับตัวกันให้ทันเพื่อรับมือกับสถานการณ์ของการเปลี่ยนแปลงในยุคนี้ สื่อออนไลน์จึงนับเป็นเครื่องมือสำคัญที่นักการตลาดยุคใหม่ต้องหาวิธีกลยุทธ์ต่างๆ เพื่อให้สามารถเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคที่เป็นเป้าหมายได้อย่างชัดเจน
พลังแห่งเทคโนโลยีดิจิตอลทำให้รับรู้ข่าวสารได้ทันที
และการแพร่ข้อความต่อๆกันไปแบบ Viral Messaging เป็นปรากฏการณ์ที่เราไม่สามารถมองข้าม
(ประภัสสร วรรณสถิตย์ ,2551) สื่อออนไลน์นับเป็นเครื่องมือสำคัญที่นักการตลาดยุคใหม่ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสารข้อมูลของสินค้าและบริการ
เพื่อให้ผู้บริโภคเกิดการรับรู้การยอมรับ และความรู้สึกผูกพันกับแบรนด์
นอกจากนี้ยังเป็นช่องทางในการโปรโมทตัวเองให้โด่งดังในเวลาเพียงข้ามคืนได้เช่นกัน
นักการตลาดหลายคนจึงหันมาใส่ใจเกี่ยวกับสถิติการใช้โซเชียลมีเดียที่สามารถบอกถึงแนวโน้มพฤติกรรมของผู้บริโภคในอนาคตได้
จากการสำรวจของ Zocial Inc (2557,
18 มิถุนายน) พบว่า พฤติกรรมการใช้ Social Network ในชีวิตประจำวันของคนไทย ใช้ Facebook (99%), Line (84%),
Instagram (56%), Google+ (41%) และ Twitter (30%) ข้อมูลเหล่านี้ทำให้นักการตลาดจะทราบถึงพฤติกรรมในแต่ละวันของผู้บริโภคเพื่อที่จะสร้าง
Content ไปถึงกลุ่มผู้บริโภคได้อย่างตรงจุด
นอกจากนี้ผลการวิจัยสำรวจผู้บริโภคออนไลน์ของนีลเสน
โกลบอล (Nielsen
Global) ยืนยันว่าผู้บริโภคเชื่อคำแนะนำของคนรู้จักถึง 90 % เชื่อความคิดเห็นบนโลกออนไลน์ 70
% ส่วนบรรดาสื่อเดิมอย่างโทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ หรือวิทยุกลับได้รับความเชื่อถือน้อยกว่า
(ภิเษก ชัยนิรันดร์, 2555) ตัวอย่างที่เห็นได้ง่ายๆคือ
เมื่อคุณต้องการอยากซื้อสินค้าประเภทโทรศัพท์มือถือสักเครื่องหนึ่ง
หากคุณกำลังเกิดความรู้สึกลังเลในระหว่าง 2 แบรนด์
คุณจะไปหาข้อมูลจากโลกออนไลน์มากกว่าที่จะดูข้อมูลจากโฆษณาสินค้านั้นๆโดยตรง
แต่ผู้บริโภคในยุคนี้มักหาข้อมูลจากผู้ที่รีวิวไว้
หรือจากบล็อกเกอร์ผู้เชียวชาญต่างๆ
จุดแข็งและข้อได้เปรียบของสื่อเว็บไซต์ในฐานะเป็นเครื่องมือการตลาดและส่งเสริมช่องทางโฆษณาประชาสัมพันธ์คือ
เปิดทำการทุกเวลาทุกวันและทั้งวัน “ตลอด 24 ชั่วโมง”
(อัศวิน เนตรโพธิ์แก้ว, 2549) จากข้อความข้างต้น
ชี้ให้เห็นว่าคนส่วนใหญ่ใช้เวลาอยู่กับโลกโซเชียลเหมือนเป็นปัจจัยที่ 5 ของการใช้ชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะค้นหาข้อมูล
รับข่าวสาร ดูละครย้อนหลัง ชมคลิปต่างๆ ล้วนเป็นการใช้สื่อโซเชียลทั้งหมด และหลายคนที่ใช้เวลาอยู่กับโลกโซเชียลมักจะชมโน้นดูนี่
พอเห็นคลิปหรืออะไรที่แปลกแหวกแนว หรือโดน ก็จะกด Like และ
Share ทันที เมื่อมีการแชร์ไปยังบุคคลที่สาม ก็จะมีบุคคลที่สี่
ห้าตามมาเรื่อยๆจนทำให้สิ่งที่ถูกแชร์อยู่นั้นเป็นที่เล่าขาน
และฮือฮาได้ในเวลาที่สั้น รวดเร็ว ซึ่งการการะทำเช่นนี้
เป็นเรื่องที่นักการตลาดมักจะหยิบมาใช้เป็นกลยุทธ์ในการทำยอดขายในกับบริษัทและองกรค์ของตนเองได้อย่างชาญฉลาด
สิ่งที่พูดถึงนี้เป็นรูปแบบหนึ่งของการตลาดยุคใหม่ที่เรียกว่า “ไวรัล
มาร์เก็ตติ้ง” สื่อบนโลกโซเชียลที่ใช้ง่ายไม่ซับซ้อน และยังสามารถปลุกกระแส
รวดเร็วเข้าถึงผู้บริโภคจำนวนมากในเวลาสั้นๆ อย่าง เฟซบุ๊ก ,
ทวิตเตอร์ , อินสตาแกรม , ยูทูป
รวมถึงบล็อกต่างๆ ถือเป็นมือการทำการตลาดแบบไวรัสอย่างดี
ทำความรู้จักกับ
“ไวรัล มาร์เก็ตติ้ง”(Viral Marketing)
โลกของ Social
Media กำลังได้รับความนิยมและให้ความสนใจเพิ่มขึ้นตลอดเวลา
เนื่องจากผู้บริโภคหันมาสนใจรับข้อมูลข่าวสารต่างๆทางอินเทอร์เน็ต การตลาดแบบไวรัส
(Viral Marketing)
ในทำนองเดียวกับการแพร่กระจายของไข้หวัดที่ติดต่อกันได้ด้วยการจาม การไอ
และการสัมผัสมือ (เอ็มมานูเอล โรเซน, 2545) คำที่กำลังอยู่ในกระแสที่สังคมให้ความสนใจหรือมีการพูดถึงกันทั่วไปที่เรียกว่า
Buzzword แต่ในวงการของโลก Internet คงไม่มีคำไหนที่สามารถใช้ได้ดีเท่ากับคำว่า
Viral Marketing อีกแล้ว
การตลาดแบบไวรัสนี้ชื่อน่าเกลียดน่ากลัวชอบกล
แต่ในทางการตลาดแล้วเรานำมาใช้ในความหมาย เรื่องการเพิ่มจำนวนผู้รับสารการตลาดจาก 1 เป็น 2 จาก 2 เป็น 4 จาก 4 เป็น 8
คือทวีคูณขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งคล้ายกับการขยายจำนวนของไวรัส (ศุภกร
ภัทรธนากุล, 2552) การตลาดที่อาศัยอยู่บนสื่อโซเซียลมีเดีย
ที่มีจุดเด่นคือการเข้าถึงง่าย และรวดเร็วมากกว่าสื่อใดๆบนโลกในขณะนี้แล้ว มาเป็นสื่อที่สร้างกระแสให้ผู้คนเข้าถึงแบรนด์สินค้าและบริการนั้นๆ
ได้มีการส่งต่อกันอย่างกว้างขวาง
โดยเฉพาะกลุ่มเป้าหมายที่เป็นผู้บริโภคระดับกลางขึ้นไป ที่หันมาบริโภคสื่อมากขึ้น
สเน่ห์ของการตลาดแบบ
“ไวรัล มาร์เก็ตติ้ง” คือผู้บริโภคส่งผ่านข้อความไปให้ผู้รับซึ่งเป็นเป้าหมายที่รู้ตัวว่าเป็นใคร
เป็นคนรู้จักหรือเป็นเพื่อนที่ผู้ส่งเชื่อว่าเขาจะต้องชอบสินค้า บริการ
หรือคลิปวิดีโอที่ส่งต่อไปให้ไวรัล มาเก็ตติ้ง คือ
“คำพูดแบบปากต่อปากในแบบฉบับดิจิทัล” เป็นการตลาดแบบเครือข่าย (Network
Marketing) นั้นเอง (ณงลักษณ์ จารุวัฒน์ และ
ประภัสสร วรรณสถิตย์, 2551)
เป็นการตลาดที่มีกลยุทธ์ใหม่ แหวกแนว เป็นการแพร่ไวรัสออกไปบนโลกแห่งข้อมูลข่าวสารทั่วโลกอย่างรวดเร็ว ในเวลาเพียงเสี้ยววินาทีเพียงแค่ กดไลด์ กดแชร์กันเท่านั้น เรามาทำความรู้จักกับการตลาดยุคใหม่นี้ว่าทำไมจึงเป็นที่นิยมของนักการตลาดที่หันมาจับกลยุทธ์นี้กันทั่วโลก ไวรัสที่กำลังแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วในสื่อออนไลน์อยู่ตอนนี้เห็นจะเป็นไวรัสอย่าง Viral Marketing
เป็นการตลาดที่มีกลยุทธ์ใหม่ แหวกแนว เป็นการแพร่ไวรัสออกไปบนโลกแห่งข้อมูลข่าวสารทั่วโลกอย่างรวดเร็ว ในเวลาเพียงเสี้ยววินาทีเพียงแค่ กดไลด์ กดแชร์กันเท่านั้น เรามาทำความรู้จักกับการตลาดยุคใหม่นี้ว่าทำไมจึงเป็นที่นิยมของนักการตลาดที่หันมาจับกลยุทธ์นี้กันทั่วโลก ไวรัสที่กำลังแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วในสื่อออนไลน์อยู่ตอนนี้เห็นจะเป็นไวรัสอย่าง Viral Marketing
รากศัพท์ของ
Viral
มาจากคำว่า Virus ดังนั้น Social
Network Marketing รูปแบบการตลาดที่ผู้บริโภคสามารถติดต่อโยงใยสื่อสารกันได้ทั่วโลกก็เป็นส่วนหนึ่งของ
Viral Marketing ได้เช่นกัน (วิเลิศ
ภูริวัชร,2553)
Viral Marketing เป็นกลยุทธ์การสร้างให้เกิดการ
“บอกต่อ” ในโลก Internet เป็นกลยุทธ์ให้ผู้ใช้ Internet
คลิกส่งเรื่องต่างๆ นั้นไปให้คนรู้จัก ไม่ว่าเรื่องนั้นจะเป็น Marketing
Message โดยตรงทั้งหมด หรือเป็นเรื่องอื่นๆ ที่มีส่วนของ Marketing
Message ไปวางไว้ด้วยก็ตาม (อนุชิต เที่ยงธรรม,2547)
ไวรัล มาร์เก็ตติ้ง (Viral
Marketing) แปลได้ตรงตัวนั่นคือ กลยุทธ์การตลาดแบบไวรัสนั่นเอง
เป็นการสร้างให้เกิดกระแสและทำให้มีผลกระทบต่อคนจำนวนมาก เกิดการพูดถึง
แชร์ต่อๆกันและแพร่กระจายออกไปในวงกว้างอย่างรวดเร็ว
กระแสที่เกิดขึ้นนั้นก็คือทำยังไงก็ได้ให้ เกิดความแปลกใจ
กระทบความรู้สึกของผู้บริโภค ไม่ว่าจะเป็นในแง่ดีหรือแง่ลบ
กระแสเหล่านี้ก็จะถูกพูดถึงกันไปทั่ว กล่าวได้ง่ายๆ ก็คือ ทีมโฆษณาที่ทำได้แปลก
โดนใจ แหวกแนว ไม่ว่าจะเป็นความสนุก ความเศร้า หรืออารมณ์ใดๆ ก็ตาม
ให้มีผู้บริโภคโฆษณานี้ได้มากและเป็นกระแส ให้พูดถึงกันไปทั่ว ในโลกSocial เหมือนการระบาดของเชื้อไวรัส ที่ติดกันจากหนึ่งเป็นร้อย จากร้อยเป็นพัน
จากพันเป็นหมื่น เป็นแสน และเป็นล้านๆ ช่องทางในการแพร่ระบาดของ Viral
Marketing ที่มีอยู่ในขณะนี้คงนี้ไม่พ้น Social Media ต่างๆ โดยเฉพาะ YouTube ที่มีทั้งภาพและเสียงในเวลาเดียวกัน
ซึ่งตามธรรมชาติของสังคมออนไลน์ในยุคนี้คงปฏิเสธไม่ได้ว่า
การที่ได้เห็นได้ยินเรื่องอะไรที่เราชื่นชอบ คงไม่พ้นที่จะกด Like กด Share กันในแวดวงของคุณและเพื่อนๆ
ซึ่งพฤติกรรมการเสพสื่อแบบนี้ทำให้ข้อมูลต่างๆ ได้แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว
และพูดถึงกันในวงกว้างมากขึ้น
ในเวลาเพียงเสี้ยววินาที ที่มีใครได้ลงข้อความ รูปภาพ หรือวิดีโอลงใน Social
Media และบนช่องทางที่ว่านี้ยังมีข้อดีคือ ไม่เสียค่าใช้จ่ายเท่ากับการที่ไปลงโฆษณาในช่องทางอื่นๆ
เช่นโทรทัศน์ วิทยุ สื่อสิ่งพิมพ์ หรือสื่ออื่นๆ ก็ตาม
ทำให้นักการตลาดหันมาใช้ประโยชน์จากทาง Social Media บ้างเช่นกัน
นั่นหมายถึง ที่มาของ “ไวรัล มาร์เก็ตติ้ง” (Viral Marketing) อย่างเต็มตัว และที่เรียกกันว่า “ไวรัส” เพื่อการตลาดนั่นเอง
Viral Marketing ดีอย่างไร
· ประหยัดค่าใช้จ่าย
กลยุทธ์การตลาดแบบใหม่ที่นักการตลาดไม่จำเป็นต้องใช้เงินลงทุนมากเท่ากับการตลาดในรูปแบบเดิมที่เคยทำมา
เพียงมีทักษะในการสื่อสารคิดไอเดียใหม่ๆ แปลกๆ เพื่อให้กลยุทธ์ไวรัส
ได้แพร่กระจายออกไปสู่ผู้บริโภค และเกิดการพูดถึงและส่งต่อกัน
สิ่งสำคัญที่ทำให้นักการตลาดสามารถประหยัดงบประมาณได้อย่างมากคือ
การตลาดรูปแบบนี้เพียงมีคอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ตก็สามารถสร้างไวรัล
มาร์เก็ตติ้งได้
· เข้าถึงผู้บริโภคได้จำนวนมาก
ในยุคปัจจุบันทุกคนล้วนแต่มีความเกี่ยวพันกับ
Social
Media กันทั้งนั้น ทำให้การสร้าง ไวรัล -
มาร์เก็ตติ้ง สามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้อย่างมหาศาล ทั้งใกล้และไกล เพราะการสื่อสารเพียงครั้งเดียวสามารถสร้างการรับรู้เข้าถึงบุคคลได้จำนวนหลายล้านคน
มาร์เก็ตติ้ง สามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้อย่างมหาศาล ทั้งใกล้และไกล เพราะการสื่อสารเพียงครั้งเดียวสามารถสร้างการรับรู้เข้าถึงบุคคลได้จำนวนหลายล้านคน
· กระจายข่าวได้รวดเร็ว
ประโยชน์ที่เห็นได้ชัดมากของ Viral Marketing ด้วยความที่กลยุทธ์นี้จับเอาคนมารับบทบาทเป็นผู้ส่งสารบนโลก
Social Media แทนที่สื่อแขนงเก่าๆ
จึงสามารถตัดขั้นตอนการสื่อสารออกนั้นออกไปได้ขั้นหนึ่ง
แถมธรรมชาติของคนเราก็ชอบพูดจาสื่อสารระหว่างกันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว
ยิ่งกับสื่อ Social Media ซึ่งทำให้การส่งต่อง่ายดายมากขึ้น
ยกตัวอย่าง หากเราต้องการส่งต่อคลิปสักอันผ่าน Facebook เราก็แค่กด
Share แล้วคลิปดังกล่าวก็จะปรากฏบนหน้า Wall ของเราเพื่อให้เพื่อนๆ ในบัญชีรายชื่อได้ชมและส่งต่อได้
การส่งต่อง่ายอย่างที่กล่าวไปนั่นเองทำให้ข้อมูลข่าวต่างๆ
ที่สร้างมาเพื่อการตลาดสามารถแพร่กระจายออกไปได้อย่างรวดเร็วมาก
หนำซ้ำยังกินวงกว้างอีกด้วย
คล้ายกับการกระจายตัวของไวรัสในชั้นบรรยากาศเลยก็ว่าได้เพราะในเวลาเพียงไม่กี่วินาที
คลิป ข้อความ รูปภาพต่างๆ ของคุณก็จะถูกส่งต่อและกระจายไปทั่วอย่างรวดเร็ว
· ความคิดสร้างสรรค์
Viral
Marketing สามารถให้นักการตลาดเปิดกว้างทางด้านความคิดสร้างสรรค์ได้อย่างไม่มีขอบเขต
โดยอาจฉีกกฎทางความคิดเดิมๆ
และสร้างผลงานที่แหวกแนวหรือนอกกระแสขึ้นมาก็ได้
เพราะกฎเกณฑ์จุกจิกบางอย่างที่สื่อทั่วไปมีบางครั้งก็ใช้ไม่ได้กับสื่อบนอินเตอร์เน็ต
การสร้างสรรค์งานจึงยังมีอิสระทางความคิดมากกว่า
และอิสระทางความคิดที่ว่านี้เองที่สามารถใช้เป็นเครื่องมือทางการตลาดที่ดึงดูดความสนใจจากผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี
· มีความน่าเชื่อถือ
ด้วยความเป็นเพื่อน พี่ น้อง
หรือมิตรภาพในรูปแบบต่างๆ
ซึ่งส่วนประกอบอย่างหนึ่งที่จะทำให้มิตรภาพยั่งยืนอยู่ได้คือต้องมีความเชื่อใจในกันและกัน
ดังนั้นการแนะนำบอกกล่าวสินค้าและบริการจากปากสู่ปากในหมู่เพื่อนฝูงจึงดูมีราคาความน่าเชื่อถือมากเป็นพิเศษ
เมื่อเปรียบเทียบกับการตลาดในลักษณะอื่นๆ ดังนั้น Viral Marketing จึงช่วยทำให้ภาพลักษณ์ของธุรกิจออกมาดูดีหากข่าวสารส่งมาจากญาติมิตรคนใกล้ตัว
ซึ่งสอดคล้องกับบทความของ (Nattaphon, 1 มิถุนายน
2553) ที่กล่าวว่า Viral Marketing จะมีความน่าเชื่อถือมาก
เพราะมักจะถูกส่งต่อไปยังเพื่อน
ซึ่งผู้รับก็มักจะเชื่อถือข้อความที่ได้รับจากเพื่อนอยู่แล้ว
โดยอาจจะส่งผ่านอีเมล์ โพสต์ไว้ใน Blog หรือ Social Network
ของตนเองให้เพื่อนๆ ได้ดู อ่าน ฟัง หรือมีการโต้ตอบกับสื่อเหล่านั้น
(นุชจรินทร์ ชอบดำรงธรรม, 2553)
ศึกษาอิทธิพลของสื่อโฆษณาในเครือข่ายสังคมออนไลน์
ที่มีผลต่อกระบวนการตอบสนองของผู้บริโภคที่พบว่า
การรับรู้สื่อโฆษณาโดยตรงจากเครือข่ายเพื่อนในเครือข่ายสังคมออนไลน์มีความสัมพันธ์กับกระบวนการตอบสนองทุกด้าย
โดยการรับรู้สินค้าและบริการจากเครือข่ายเพื่อนนั้นจะมีอิทธิพลในการสร้างความน่าเชื่อถือและเกิดการยอมรับผลิตภัณฑ์ได้มาก
จากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปจากที่เคยดูโทรทัศน์
ฟังวิทยุ หันมาใช้ชีวิตอยู่กับ Social Media กันมาขึ้น
และมีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ทำให้การเข้าถึงของสื่อในแบบเดิมเริ่มไม่ได้ผลเท่าที่มีการลงทุนกับการซื้อโฆษณาที่เสียไป
การชมโทรทัศน์ของผู้บริโภคไม่จำเป็นต้องรีบกลับบ้านให้ตรงตามเวลาของละคร
หรือรายการที่ต้องการชมแต่อย่างใด เมื่อมี YouTube ที่สามารถเข้าชมอะไรที่ต้องการไม่ว่าจะเป็น
ละคร ภาพยนตร์ รายการต่างๆ
หรือแม้แต่เรื่องที่เราที่สนใจก็สามารถเข้าดูได้ตลอดเวลา
ทำให้นักการตลาดเล็งเห็นความสำคัญของ YouTube มากขึ้นกว่าสื่ออื่น
และในยุคนี้ผู้บริโภคหันมาโปรโมทตัวเองผ่านทาง YouTube ชอบทำคลิปสั้นๆ
เพื่อลงให้คนทั่วไปได้เห็น หรือแม้แต่ผลงานที่มีการวางแผนการผลิตอย่างดี
เพื่อหวังว่าผลงานอาจจะสร้างโอกาสดีๆให้กับตนเอง ทำให้ YouTube เป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายทั่วโลกและ หากมีวิดีโอที่เป็น Viral
Video ก็จะถูกแพร่กระจายไปอย่างกว้างขวางในเวลาเสี้ยววินาทีเช่นกัน
ทำไมต้องผ่าน
YouTube
เพียงแค่ในปี 2006 ปีเดียว YouTube มีการเติมโตแบบก้าวกระโดดอย่างมาก
เป็นเว็บไซต์ที่มีผู้ชมเข้าไปใช้งานกันอย่างทั่วโลก
เรียกว่าเนื้อหอมไปทั่วทำให้โดนใจค่ายยักษ์ใหญ่อย่าง Google ที่ได้ตัดสินใจเข้ามาซื้อ
YouTube ด้วยจำนวนเงิน 1,650 ล้านเหรียญ
การรวมตัวของ Google และ YouTube ทำให้ผู้ใช้บริการสามารถเข้าถึง
Content ได้สะดวกและง่ายกว่าเดิมหลายเท่าตัว
นั่นทำให้นักการตลาดมองว่าเท่ากับเป็นการเสริมแรงให้กับ Viral Marketing ให้แรงขึ้นไปอีกมากทีเดียว
ผู้ชมวิดีโอบน YouTube
นั้นมีจำนวนมากถึง70 % ของผู้ชมทั่วโลกที่ยังไม่รวมอเมริกา
ตัวเลขนี้กำลังบอกว่า Video Content กำลังเป็นที่ต้องการของผู้บริโภคและเป็นที่สนใจของผู้บริโภคมากขึ้นเรื่อยๆ
จึงปฏิเสธไม่ได้ว่า YouTube
คือหนึ่งในเว็บไซต์ที่มีผู้เข้าชมมากที่สุดในโลก
จึงทำให้นักการตลาดของหลายๆบริษัท ไม่สามารถมองข้ามโฆษณาที่จะใช้ YouTube เป็นกลไกในการขับเคลื่อนทางการตลาดไปได้
ต้องยอมรับเลยว่าสื่อวิดีโอออนไลน์ เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในยุคนี้เลยก็ว่าได้
เพราะSocial Media มีบทบาทมากกับวิถีชีวิตของผู้บริโภค
ดังนั้นการทำโฆษณาบนโลกออกไลน์คงทำให้เข้าถึงผู้บริโภคได้ไม่ยากนั้น
โดยเฉพาะเมื่อมี YouTube ที่มีผู้ชมมากอยู่ตลอดเวลา
ทำให้ง่ายต่อการสร้างสรรค์โฆษณา เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างชัดเจน เช่น
เพศ ช่วงอายุ
หรือความสนใจของผู้บริโภคที่เราจะสามารถรู้ได้จากเนื้อหาที่ผู้ชมเข้าชม YouTube
บ่อยนั้นเอง
นอกจากนี้ยังประหยัดค่าใช้จ่ายมากกว่าเมื่อเทียบเท่ากับการโฆษณาผ่านสื่อโทรทัศน์
ดังนั้นทำให้นักการตลาดจะนิ่งเฉยไม่ได้กับพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของผู้บริโภคและการมาของ
YouTube ที่สามารถทำให้นักการตลาดเข้าถึงผู้บริโภคได้มากขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย
การเปิดดูตัว YouTube ประเทศไทยเมื่อปีที่แล้วชี้ถึงสถิติที่ผ่านมาของการเข้าชม
YouTube ของผู้ชมในประเทศไทย
ว่าพฤติกรรมการรับชมวิดีโอผ่านทางอินเทอร์เน็ตได้ขยายตัวขึ้นอย่างมาก
คนไทยมีการใช้สื่อ YouTube ที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
ไม่ว่าจะเป็นการชมวิดีโอ การแสดงความคิดเห็น
หรือแม้แต่เป็นผู้ที่สร้างเนื้อหาขึ้นมาเอง
ผลสำรวจพฤติกรรมการใช้อินเทอร์เน็ตจากทั่วโลก
Connected
Life 2014 จากผู้ใช้อินเทอร์เน็ต 55,000 คนจาก
50 ประเทศทั่วโลก พบว่า
วิดีโอออนไลน์ได้รับความนิยมในหมู่ผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตทั่วโลก โดยกว่า 60% เข้าชมทุกสัปดาห์ 25% เข้าชมเป็นประจำทุกวัน
กลุ่มผู้ใช้มีอายุระหว่าง 25 – 34 ปี ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นแอคทีฟยูสเซอร์
(Active User) โดยผลสำรวจล่าสุดระบุว่า 30% ของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทั่วโลก
มีพฤติกรรมการชมวิดีโอออนไลน์เป็นประจำทุกวัน และ 66%
รับชมไม่ต่ำกว่าสัปดาห์ละครั้ง (Nuttaputch,8 ธันวาคม 2557) ซึ่งจากข้อมูลแสดงให้เห็นว่าผู้ชมมีการเข้าถึงวิดีโอเพิ่มมากขึ้น
พฤติกรรมใหม่ของผู้บริโภคในยุคนี้เมื่อต้องการหาข้อมูลต่างๆ
ก็จะนึกถึง Google ทำให้วันนี้การเข้า Google ได้กลายเป็นธรรมชาติของคนทั่วโลกไปแล้ว และเช่นเดียวกัน YouTube กลายเป็นช่องทางที่เมื่อคิดจะดูวิดีโอก็ต้องเข้าไปค้นหาที่ YouTube
เป็นที่เรียบร้อยแล้ว จากจำนวนผู้เข้าชมทั่วโลกสูงถึง 2,000 ล้านวิวต่อวัน ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงและน่าสนใจอย่างมาก ทำให้สามารถเปรียบ
YouTube เป็นรายการโทรทัศน์ในช่วง
ไพรม์ไทม์ได้เลย
ทำให้เป็นผลดีต่อการโฆษณาต่างๆ
ในมุมมองของการตลาดต้องเปลี่ยนมุมมองใหม่โดยสิ้นเชิง
เดิมที่ผู้บริโภคเคยถูกบังคับให้สนใจสื่อที่มีอิทธิพลมากอย่างโทรทัศน์ วิทยุ
และหนังสือพิมพ์
แต่ตอนนี้โลกเปลี่ยนไปพร้อมกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนตามไปด้วย นักการตลาดจึงต้องสร้างแผนการตลาดใหม่สำหรับ YouTube
ขึ้นมาตอบสนองรูปแบบการเสพสื่อที่เปลี่ยนไปของผู้บริโภค ผู้บริโภคต้องการหาข้อมูลเอง
ข้อมูลที่ได้จากคนรู้จัก จากเว็บไซต์ต่างๆ และรวมถึงข้อมูลจากการรีวิวผ่าน Video
YouTube ด้วยนั้นเอง จึงทำให้เกิดเป็นการตลาดแบบใหม่คือ “Viral
Video”
Viral Video คืออะไร
Viral Video เป็นพฤติกรรมต่อเนื่องจากการที่ใครๆบนโลกอินเทอร์เน็ตก็สามารถแชร์วิดีโอของตัวเองไปให้ใครดูก็ได้
และเมื่อหนึ่งในข้อมูลมหาศาลนั้นเกิดน่าสนใจมันก็ทำหน้าที่เสมือนกับโฆษณาชิ้นเอกที่เปิดอยู่ในรายการในช่วงไพรม์ไทม์ทีเดียว
(อาทิตย์ เลิศรักษ์มงคล, 2554)
คำว่า Viral Video นั้นก็คือรูปแบบหนึ่งของการตลาดแบบ Viral Marketing นั้นเอง
แต่เป็นก็สร้างเนื้อหาที่แพร่กระจายออกไปในรูปแบบของวิดีโอ
โดยไม่จำกัดเนื้อหาหรือรูปแบบใดๆ เพื่อให้ระบาดไปอย่างรวดเร็วในโลกออนไลน์
และเป็นที่กล่าวถึงกันอย่างกว้างขวาง กระแสและความฮิตของ ไวรัลวิดีโอ (Viral
Video) เป็นสิ่งที่หลายๆแบรนด์อยากให้เกิดขึ้นกับแบรนด์ของตัวเอง
เพราะสร้างความโด่งดังเป็นที่พูดถึงไปได้ไกลถึงระดับโลก
Viral Video สามารถนำเสนอได้หลายรูปแบบ โดยการแบ่งตามเนื้อหาดังนี้
· New
Product Launch
วิดีโอที่เน้นการโชว์สินค้าและบอกข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่กำลังจะออกใหม่
และวางจำหน่ายในท้องตลาด
· Products
Review
เป็นการนำเสนอที่ผ่านบุคคลที่มีอิทธิพลหรือผู้ชำนาญการ
โดยมีการทดลองใช้สินค้าและบริการ
จากนั้นมีการวิพากษ์วิจารณ์ตัวสินค้าด้วย
จากนั้นมีการวิพากษ์วิจารณ์ตัวสินค้าด้วย
· Advertising
เน้นการขายสินค้า
นำเสนอเนื้อหาในเชิงโฆษณาเพื่อบอกจุดเด่นของสินค้า นั้นๆ
· Advertorial
เป็นการขายสินค้าด้วยการ
Tie-in สินค้า ที่นำมีการนำเสนอในรูปแบบของการแนะนำแผงอยู่ภายในวิดีโอ
· Entertainment
วิดีโอที่สร้างขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น
ไม่ได้มีเนื้อหาเพื่อวัตถุประสงค์ในการขายสินค้า หรือวัตถุประสงค์ในเชิงพานิช
· Education/Tutorial
วิดีโอที่สร้างเพื่อเสนอเนื้อหาสาระความรู้เกี่ยวกับเรื่องต่างๆ
ที่สนใจให้กับผู้ชม
· Blog
หรือ Video log
วิดีโอที่สร้างเพื่อนำเสนอเรื่องราวต่างๆ
เกี่ยวกับผู้สร้างวิดีโอที่อยากเล่าหรืออยากแชร์เพื่อให้ผู้อื่นได้ชมเท่านั้น
สร้าง Viral
Video ให้ติดกระแสโลก
เพียงแค่สร้างวิดีโอลงบน YouTube ก็อาจะทำให้คุณดังได้ในข้ามคืน
หากข้อมูลเหล่านั้นน่าสนใจและเป็นที่พูดถึงของผู้ชม Video ของคุณจะถูกกระจายออกไปอย่างรวดเร็ว
ทำให้คุณได้เป็นดาราหน้าใหม่บน YouTube ได้ง่ายๆเลยทีเดียว
การสร้างวิดีโอให้ประสบความสำเร็จก็ไม่ใช่เรื่องยากจนเกินไปนัก
เห็นได้ว่าวิดีโอหลายๆตัวที่ถูกส่งลงใน YouTube บางครั้งเป็นเพียงแต่การถ่ายผ่านกล้องเว็บแคม
บนเครื่องคอมพิวเตอร์เท่านั้นไม่ได้ใช่อุปกรณ์การถ่ายทำแต่อย่างใด
แต่กลับสร้างความฮือฮาไปทั่ว
ดังนั้นเราควรคิดว่าจะทำยังไงให้เรื่องราวน่าติดตาม
และอยากส่งต่อ แล้วทำให้เรื่องราวนั้นเป็นที่พูดถึงไปอย่างกว้างขวาง การสร้าง Viral
Video ไม่มีอะไรมาบอกได้ว่าจะกระจายไปได้แรงหรือไกลแค่ไหน
แต่สิ่งที่เราควบคุมได้คือเนื้อหาของวิดีโอ
รูปแบบการนำเสนออาจออกมาในรูปแบบที่แตกต่างกันออกไป
จากวิดีโอทั่วโลกที่ผู้คนหลั่งไหลกันสร้างวิดีโอขึ้นมา ทำให้
YouTube เป็นฐานข้อมูลที่ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ
หัวใจสำคัญของการสร้างผลงานน่าจะมาจากการเล่าเรื่องราว ที่ทำให้คนสนใจอยากติดตาม
การสร้างเนื้อหาที่น่าสนใจจะทำให้คนจดจำและถูกพูดถึง สิ่งสำคัญที่ควรมีในวิดีโอคือ
แรงกระตุ้นอารมณ์ของผู้ชม วีดีโอดีสร้างผลกระทบต่อความรู้สึกยิ่งแรงยิ่งสร้างการจดจำได้สูง Viral
Video ที่สร้างความโด่งดังในยุคแรกๆของ YouTube น่าจะเป็นผู้ชายร่างท้วมที่มาร้องเพลง Dragostea din tie ผ่านวิดีโอที่ชื่อว่า “NumaNumaDance” เป็นการร้องเพลงป๊อบแดนซ์ที่ไม่น่าเชื่อว่าจะประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก
เพียงแค่อัดวิดีโอผ่านสร้างเว็บแคมในห้องพักของตัวเอง ด้วยท่าทางทะเล้นของเขา
จนทำให้คลิปวิดีโอนี้ได้รับเป็น Clip Best YouTube Video Ever ทำให้เขากลายเป็นดาราดังเพียงชั่วข้ามคืน
และปัจจุบันเขาได้ผลิตวิดีโอบนผ่าน YouTube Channel ชื่อ “Numa
Network” โดยมียอดผู้ชมใน Channel ของเขาสูงถึง
48,466,404 คน ทำให้เขาได้ขยายสร้างเว็บไซต์ “NewNuma.com”
เพื่อ Update ความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับตัวของเขาเอง
ให้แฟนคลับของเขาได้ติดตามและยังเปิดร้านขายของสร้างรายได้มากมายให้กับเขาอีกด้วย
ในการทำ Viral Video ให้เกิดกระแสเป็นที่พูดถึงและแชร์วิดีโอ ไปอย่างรวดเร็ว ผู้สร้างวิดีโอต้องทำเนื้อหาให้สามารถเป็นแรงผลักดันให้เปิดกระแสดังเปรี้ยงปร้างให้ได้ ต้องมีเทคนิคในการช่วยให้ Viral Video กลายเป็นเชื้อไวรัสที่แพร่กระจายไปอย่างมีประสิทธิภาพ 4 ข้อ ดังนี้
ในการทำ Viral Video ให้เกิดกระแสเป็นที่พูดถึงและแชร์วิดีโอ ไปอย่างรวดเร็ว ผู้สร้างวิดีโอต้องทำเนื้อหาให้สามารถเป็นแรงผลักดันให้เปิดกระแสดังเปรี้ยงปร้างให้ได้ ต้องมีเทคนิคในการช่วยให้ Viral Video กลายเป็นเชื้อไวรัสที่แพร่กระจายไปอย่างมีประสิทธิภาพ 4 ข้อ ดังนี้
1.
คลิปควรมีความยาวที่เหมาะสม ความอยู่จะขึ้นอยู่กับเนื้อหาและรูปแบบการนำเสนอ
แต่แน่นอนเราต้องการให้ผู้ชมได้ชมวิดีโอได้จนจบ
จากการสังเกตคลิปไทยที่มีผู้ชมสูงกว่า 1 ล้านวิว
ความยาวของวิดีโออยู่ระหว่าง 2-5 นาที ส่วนจากผู้ชมทั่วโลก
ที่มีผู้ชม 5 ล้านวิวขึ้นไป มีช่วงตั้งแต่ 15 วินาที ถึง 8 นาที
2. ดึงอารมณ์ของคนดูไว้ให้ได้
วิดีโอความมีเป้าหมายที่ชัดเจนว่าจะให้ผู้ชมมีอารมณ์ร่วมไปในทิศทางไหน ขำกลิ้ง ตลก
ซาบซึ้งจนน้ำตาไหล หรือจะแปลกแหวกแนวไม่เหมือนใคร
3.
ทำวิดีโอให้คนเลียนแบบได้ง่าย เนื่องจากคลิปที่มีคนสนใจและได้รับความนิยม
มักจะมีคนที่พยายามเลียนแบบ หรือดัดแปลง ยิ่งเป็นการโปรโมทวิดีโอของคุณเพราะทำเป็นคนแรก
4.
ตั้งชื่อให้น่าสนใจ นอกจากเนื้อหาของวิดีโอที่น่าสนใจแล้ว
ควรตั้งชื่อให้น่าสนใจหรือ ง่ายต่อการจดจำอีกด้วย
ที่สำคัญควรตั้งชื่อให้สื่อถึงความหมายในวิดีโอ เพื่อสะดวกต่อการ Search ด้วย
กรณีศึกษา Video
Viral
Old Spice
(ต่างประเทศ)
เริ่มต้นที่สุดยอด Viral Video กับ Social Media Campaign ที่โด่งดังไปทั่วโลก กับโฆษณาแบรนด์ครีมอาบน้ำผู้ชายที่อยู่นานถึง 70 ปีอย่าง Old Spice ที่ออกโฆษณามีความยาวเพียง 30 วินาที ที่มาพร้อมกับสโลแกน “Could Smell Like A Man, Man. Old
Spice” ได้กลายเป็นที่พูดถึงกันอย่างหนาหู
แถมด้วยการพูดถึงผ่านคอมเมนต์ใน YouTube ที่มีมากถึง 35,000 ข้อความด้วยกัน
ในการปล่อยโฆษณาที่สามารถสนองถึงความชอบของผู้บริโภคในกลุ่มออนไลน์ ทำให้เพียง 1 ปี เกิดความเปลี่ยนแปลงกับ Old Spice อย่างมากมาย
สร้าง Awareness กับคนรุ่นใหม่
และทำให้แบรนด์กลายเป็นแบรนด์ที่เด็กลงอย่างชัดเจน ของ Old
Spice ใน 24 ชั่วโมงแรกของการลงวิดีโอผ่าน YouTube
เมื่อวัดจากจำนวนยอด Views แล้วใน 24 ชั่วโมงแรกสามารถทำให้มีผู้ชมเข้ามาดูถึง 6
ล้านวิวได้อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และขึ้น 40 ล้านวิว
ในเวลา 1 อาทิตย์จนกลายเป็น Most Viral Brand อันดับหนึ่งสูงที่สุดที่เคยมีมา
แต่นั้นไม่ใช่แง่เดียวที่นักการตลาดหวังไว้ ในแง่ของยอดขาย Old Spice ก็ประสบความสำเร็จเช่นกัน ภายใน 1
เดือนแรกยอดขายในอเมริกาสูงขึ้นถึง 27% และสูงขึ้นเป็น 55% ใน 3 เดือน และประสบความสำเร็จแบบทะลุเป้าด้วยการ
สูงสุด 107% ภายในเวลาครึ่งปีเท่านั้น
Wacoal
(ประเทศไทย)
และViral Video อีกตัวหนึ่งเชื่อว่าหลายๆคนคงจำกันได้กับคลิป
Mood Push-Up Bras ที่เรียกความฮือฮากันเป็นอย่างมาก
ที่ได้สร้างปรากฏการณ์ด้วยยอดดู 330,000 กว่าวิวใน 24
ชม. เรียกได้ว่าเป็นที่พูดถึงอย่างมากมายในช่วงนั้นเลยก็ว่า
กับการใส่ชุดชั้นในดันทรงของสาวน้อยในร่างชายหนุ่ม จากแบรนด์ดังอย่าง Wacoal
ที่ครั้งนี้ได้ไอเดียสุดเจ๋งจากทีมครีเอทีฟของ CJ WORX ที่ให้ผลลัพท์ออกมาอย่างน่าชื่นใจ ยอดผู้ชมที่เข้าชมกันอย่างถล่มทลาย
โดยไม่ต้องใช้ซุปเปอร์สตาร์ ไม่อาศัยข่าวอื้อฉาว แค่มี Content ที่แปลกและแหวกแนวแบบนี้ สร้างจุดที่น่าสนใจทำให้ผู้ชมอยากแชร์
ต่อๆกันออกไปอย่างรวดเร็ว และเป็นที่พูดถึงกันอย่างหนาหูกับกระแสที่หน้าอกสามารถอึ๋มขึ้นมาได้ภายใน
2 นาที ด้วยการถ่ายภาพผู้หญิงผมยาวกำลังถอดเสื้อผ้าออกทีละชิ้น
จนมาถึงชุดชั้นในและทำให้เห็นว่ามีหน้าอกขึ้น จากนั้นถอดชุดชั้นในออก
และหักมุมด้วยการที่ผู้ใส่ชุดชั้นในดันทรงนี้คือผู้ชายนั้นเอง ทำให้โด่งดังไปทั่ว
ด้วยไอเดียที่มีความน่าสนใจปลุกกระแสได้อย่างแรงมาก
และภายในหนึ่งสัปดาห์มียอดวิวสูงถึง 1 ล้านวิว
อีกนัยหนึ่งทุกสิ่งล้วนย่อมมีทั้งข้อดีและข้อเสียด้วยกันทั้งนั้นเช่นเดียวกับ
Viral
Video ที่สามารถสร้างให้ผู้บริโภคมากมายเข้าถึงได้
ด้วยเวลาอันรวดเร็วและเป็นที่พูดถึงกันอย่างกว้างขว้างแล้วนั้น
ยังช่วยสร้างยอดขายของสินค้าและบริการต่างๆอีกด้วย
แต่อีกแง่หนึ่งหากเนื้อหาหรือสิ่งที่ต้องการสื่อออกมานั้นเกิดการผิดพลาดผลของมันก็อาจทำให้ส่งผลแย่ต่อภาพลักษณ์ของแบรนด์ในเวลาอันรวดเร็ว
และเป็นที่พูดถึงกันในวงกว้างแพร่กระจายออกไปแบบไวรัสได้เหมือนกัน
จึงยกกรณีตัวอย่าง Snickers
ที่สร้างภาพลักษณ์ที่ไม่ดีต่อแบรดน์
อย่างคลิปวีดีโออีกตัวหนึ่งที่ปล่อยออกมาเพื่อต้องการให้เป็นกระแส Viral
Video ซึ่งมีด้วยกัน 2-3
คลิปที่มีปล่อยคลิปออกมาโดยที่เนื้อหาของวิดีโอเป็นการแสดงความโกรธ โมโห
เกิดอาการเหวี่ยงใส่แฟนคลับ โดยเนื้อหาที่สร้างออกมาเพื่อต้องการให้เป็นที่พูดถึงและเกิดกระแสไวรัล
แต่เมื่อปล่อยออกมาแล้วทำเอาชาวเน็ตตกอกตกใจกันไปตามๆกันและถล่มเข้ามาคอมเมนต์ถึงพฤติกรรมของนักแสดงสาวอย่าง
ออม สุชาร์ แต่สุดท้ายกลับเฉลยว่า เป็นการปล่อยโฆษณาของช็อคโกแลต ยี่ห้อ Snickers งานนี้ทำเอายิ้มไม่ออกเมื่อ Viral
Video ก็ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพเช่นเคยที่
กระจายสู่สายตาชาวโลกออนไลน์อย่างกว้างขวางและรวดเร็ว แต่ผลตอบรับที่ออกมากลับทำให้คนพูดถึงกลับทำให้นักแสดงสาวถูกมาองในแง่ที่ไม่ดี
มีกระแสว่าแฟนคลับต่อต้านเป็นอย่างมาก ถึงขึ้นเลิกติดตามผลงานกันเลยทีเดียว
นี่ก็เป็นอีกมุมหนึ่งของ ไวรัสตัวร้ายที่แพร่กระจายอย่างรวดเร็วหาก
ไม่คิดให้รอบคอบก่อนที่จะลงวิดีโอ เพราะเกิดกระแสที่ไม่ดีเช่นนี้ซึ่งถือว่าเป็นการตลาดที่ไม่สร้างสรรค์”
ส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ต่อสินค้าและองค์กร
อย่างมาก
บทสรุป
อย่างไรก็ตาม Viral
Marketing ไม่ได้มีเพียง Viral Video ที่จะทำการกระจายไวรัสนี้ผ่าน
YouTube เท่านั้น แต่ยังมี
Social Media อื่นๆที่สามารถแพร่กระจายข้อมูลเพื่อบอกต่อได้เช่นกัน
อีกทั้งการทำ
Viral
Marketing เปรียบเหมือนดาบ 2 คม มีทั้งด้านบวก
และด้านลบ ถ้ากระจายข้อมูลไปสู่ผู้ชมแล้วกระแสนั้นเป็นไปในทางบวก
ก็จะเกิดผลตอบรับกลับมาอย่างดีเยี่ยม ทั้งยอดขายที่เพิ่มขึ้นและเป็นที่รู้จักของผู้บริโภคมากขึ้น
แต่ถ้าข้อมูลที่กระจายไปสู่ผู้ชมแล้ว ทำให้รู้สึกเป็นไปในทางลบ
ก็จะเกิดผลเสียจากพลังการบอกต่อในเรื่องลบกับ แบรนด์ได้เช่นกัน นักการตลาดจึงจำเป็นต้องรอบครอบอย่างมากในการสร้างสรรค์ผลงานเพื่อต้องการให้เป็นไวรัสชั้นดีออกมา ถ้าContent
ดีแต่ปล่อย Viral ออกมาในช่วงเวลาเดียวกับแบรนด์อื่นก็อาจจะทำให้ความแรงของ
Viral Video ที่เราปล่อยออกมานั้นไม่เป็นไปตามเป้าหมายได้ และจะเป็นไปไม่ได้หากไม่มี Social Media ที่ช่วยกระจายแบรนด์
Message ไปได้อย่างรวดเร็ว ด้วยพลังของปุ่ม Like,
Share และ # (Hashtag)แต่ทั้งนี้ต้องไม่ลืมว่า
ต้องมี Content ที่โดนใจกลุ่มเป้าหมายด้วย
ในอนาคต Viral Marketing จะต้องได้รับความนิยมอย่างสูงขึ้น เพราะสามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้จำนวนไม่จำกัด เป็นการสร้างกระแสและทำให้มีผลกระทบต่อคนจำนวนมาก ทำให้เกิดการพูดถึง โดยการแชร์ต่อๆกันและแพร่กระจายออกไปในวงกว้างอย่างรวดเร็ว กระแสเหล่านี้ก็จะเป็นที่พูดถึง ในโลกSocial Media เหมือนการระบาดของเชื้อไวรัส ที่ติดกันจากหนึ่งเป็นร้อย จากร้อยเป็นพัน จากพันเป็นหมื่น จากหมื่นเป็นแสน และเป็นล้าน ฉะนั้นจึงต้องมีการพัฒนารูปแบบให้น่าสนใจมากยิ่งขึ้น ส่วน Content ที่จะปล่อยออกมาต้องมีความหลากหลายกว่าที่เคยมีมาก่อน จะต้องทำให้ผู้ชมไม่สามารถคาดเดาได้ และจะเป็นไปไม่ได้หากไม่มี Social Media ที่ช่วยกระจายแบรนด์ Message ไปได้อย่างรวดเร็ว ด้วยพลังของปุ่ม Like, Share และ # (Hashtag)แต่ทั้งนี้ต้องไม่ลืมว่า ต้องมี Content ที่โดนใจกลุ่มเป้าหมายด้วย สุดท้าย“ในเมื่อ Viral Marketing เป็นการระบาดและแพร่กระจายไปทั่วรวดเร็วเหมือนไวรัส เราต้องคิดสร้างสรรค์ ว่าจะทำยังไงให้เป็น ไวรัส ชิ้นดี”
ในอนาคต Viral Marketing จะต้องได้รับความนิยมอย่างสูงขึ้น เพราะสามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้จำนวนไม่จำกัด เป็นการสร้างกระแสและทำให้มีผลกระทบต่อคนจำนวนมาก ทำให้เกิดการพูดถึง โดยการแชร์ต่อๆกันและแพร่กระจายออกไปในวงกว้างอย่างรวดเร็ว กระแสเหล่านี้ก็จะเป็นที่พูดถึง ในโลกSocial Media เหมือนการระบาดของเชื้อไวรัส ที่ติดกันจากหนึ่งเป็นร้อย จากร้อยเป็นพัน จากพันเป็นหมื่น จากหมื่นเป็นแสน และเป็นล้าน ฉะนั้นจึงต้องมีการพัฒนารูปแบบให้น่าสนใจมากยิ่งขึ้น ส่วน Content ที่จะปล่อยออกมาต้องมีความหลากหลายกว่าที่เคยมีมาก่อน จะต้องทำให้ผู้ชมไม่สามารถคาดเดาได้ และจะเป็นไปไม่ได้หากไม่มี Social Media ที่ช่วยกระจายแบรนด์ Message ไปได้อย่างรวดเร็ว ด้วยพลังของปุ่ม Like, Share และ # (Hashtag)แต่ทั้งนี้ต้องไม่ลืมว่า ต้องมี Content ที่โดนใจกลุ่มเป้าหมายด้วย สุดท้าย“ในเมื่อ Viral Marketing เป็นการระบาดและแพร่กระจายไปทั่วรวดเร็วเหมือนไวรัส เราต้องคิดสร้างสรรค์ ว่าจะทำยังไงให้เป็น ไวรัส ชิ้นดี”
ภาษาไทย
ณงลักษณ์
จารุวัฒน์ และ ประภัสสร วรรณสถิตย์. (2551).
DigiMarketingเปิดโลกนิวมีเดียและการตลาด
ดิจิทัล : การตลาดแบบไวรัล มาร์เก็ตติ้ง. กรุงเทพมหานคร : เนชั่นบุ๊คส์
ดิจิทัล : การตลาดแบบไวรัล มาร์เก็ตติ้ง. กรุงเทพมหานคร : เนชั่นบุ๊คส์
นุชจรินทร์
ชอบดำรงธรรม. (2553). อิทธิพลของสื่อโฆษณาในเครือข่ายสังคมออนไลน์
ที่มีผลต่อกระบวนการ
ตอบสนองของผู้บริโภค. ปริญญานิพนธ์ บริหารธุรกิจมหาบัณฑิต(การตลาด). กรุงเทพฯ :
มหาวิทยาลัยศรีนครินทร์วิโรฒ.
ตอบสนองของผู้บริโภค. ปริญญานิพนธ์ บริหารธุรกิจมหาบัณฑิต(การตลาด). กรุงเทพฯ :
มหาวิทยาลัยศรีนครินทร์วิโรฒ.
ประภัสสร
วรรณสถิตย์. (2551). DigiMarketingเปิดโลกนิวมีเดียและการตลาดดิจิทัล
: ปัยจัยขับเคลื่อนที่ 4.
กรุงเทพมหานคร : เนชั่นบุ๊คส์
กรุงเทพมหานคร : เนชั่นบุ๊คส์
ภิเษก
ชัยนิรันดร์. (2555). Social Media กลยุทธ์การตลาด
: โซเชียลมีเดียเครื่องมือของผู้บริโภคในยุค
การตลาด 3.0. กรุงเทพมหานคร:ซีเอ็ดยูเคชั่น
การตลาด 3.0. กรุงเทพมหานคร:ซีเอ็ดยูเคชั่น
วิน
รัตนาธีราธร. (2553). ทัศนคติต่อการทำการสื่อสารทางการตลาดในรูปแบบ
viral video และปัจจัยที่มีผล
ต่อการตัดสินใจแชร์ออนไลน์วีดีโอของผู้ใช้ Facebook ในเขตกรุงเทพมหานคร (วิทยานิพนธ์ปริญญา มหาบัณฑิต). มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์. สืบค้นจาก
http://digi.library.tu.ac.th/thesis/ac/1063/title-appendix.pdf
ต่อการตัดสินใจแชร์ออนไลน์วีดีโอของผู้ใช้ Facebook ในเขตกรุงเทพมหานคร (วิทยานิพนธ์ปริญญา มหาบัณฑิต). มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์. สืบค้นจาก
http://digi.library.tu.ac.th/thesis/ac/1063/title-appendix.pdf
วิเลิศ
ภูริวัชร.
(2553). Marketing is all around! : CGM:ไวรัสสื่อสายพันธุ์ใหม่ของ
Viral Marketing.
กรุงเทพมหานคร : กรุงเทพธุรกิจ Bizbook
กรุงเทพมหานคร : กรุงเทพธุรกิจ Bizbook
ศุภกร
กัทรธนกุล. (2552). น่ารู้คู่การตลาด
: ไวรัสการตลาด. กรุงเทพมหานคร : ศูนย์หนังสือจุฬาลงกรณ์
มหาวิทยาลัย
มหาวิทยาลัย
อุไรพร
ชลสิริรุ่งสกุล. (2555). Digital Commerce เปลี่ยนผู้ชมเป็นผู้ช้อปด้วยดิจิทัลคอมเมิร์ช
: Reinvent
แบรนด์ด้วยดิจิทัลมาร์เก็ตติ้ง. กรุงเทพมหานคร : บริษัท ซีเอ็ดยูเคชั่น จำกัด (มหาชน)
แบรนด์ด้วยดิจิทัลมาร์เก็ตติ้ง. กรุงเทพมหานคร : บริษัท ซีเอ็ดยูเคชั่น จำกัด (มหาชน)
อนุชิต
เที่ยงธรรม. (2547). Strategic Marketing Keywords : Viral
Marketing. กรุงเทพมหานคร: ซีเอ็ด
ยูเคชั่น
ยูเคชั่น
อัศวิน
เนตรโพธิ์แก้ว. (2549). รู้เท่าสังคมสื่อรู้ทันสงครามการตลาด
: สื่ออินเทอร์เน็ต. กรุงเทพมหานคร :
BrandAgeBooks
BrandAgeBooks
อาทิตย์
เลิศรักษ์มงคล. (2554). iMarketing 10 กลยุทธ์การตลาดออนไลน์เขย่าโลก : Viral Video มหัศจรรย์
วิดีโอบันลือโลก. กรุงเทพมหานคร: โปรวิชั่น
วิดีโอบันลือโลก. กรุงเทพมหานคร: โปรวิชั่น
เอ็มมานูเอล
โรเซน.
(2545). กลยุทธ์การตลาดปากต่อปาก : ไวรัสมาร์เก็ตติ้ง.
กรุงเทพมหานคร : บริษัท เอ.
อาร์. บิซิเนส เพรส จำกัด
อาร์. บิซิเนส เพรส จำกัด
ภาษาอังกฤษ
CJ Worx. (2557). 7 แนวทาง
Viral VDO ที่สุดแห่งปี 2014. สืบค้นจาก http://thumbsup.in.th/2014/12/7-ways-viral-vdo-2014-cjworx/
Nattaphon. (2553). Viral Marketing คืออะไร?.
สืบค้นจาก http://www.nattaphon.com/internet-marketing/24-what-is-viral-marketing.html
Nuttaputch. (2557). ผลสำรวจย้ำ!
คนไทยฮิตดูวีดีโอออนไลน์ เกือบ 50% ดูอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง.
สืบค้น
จาก
http://www.nuttaputch.com/thai-people-watch-video-online-growth/
Zocial Inc. (2557). เผยพฤติกรรมคนไทย ติด Social
Network ตลอดเวลา จนขาดไม่ได้ !!!. สืบค้นจาก
http://www.it24hrs.com/2014/thai-social-network-day-in-a-life/
บทความวิชาการจาก
นักศึกษาคณะนิเทศศาสตร์และนวัตกรรมการจัดการ รุ่น 5 ภาคปกติ
นักศึกษาคณะนิเทศศาสตร์และนวัตกรรมการจัดการ รุ่น 5 ภาคปกติ
สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์
เอมิการ์ ศรีธาตุ